เปลี่ยนความคิดแล้วอย่ามัวแต่แอ๊คอาร์ต
ปัญหาอย่างหนึ่งของคนชอบคิด คือ ไม่ลงมือทำสักที โทษทีนะครับ มันเหมือนกับกินอร่อย ย่อยดี แต่…ี้ไม่ออกประมาณนั้น หากปล่อยให้ตันอยู่นานๆเข้าปัญหาที่ตามมา คือ อาการไหลย้อนกลับของความคิด และความคิดจะแปรเปลี่ยนเป็นความฟุ้งซ่าน และความฟุ้งซ่านจะกลับมาบั้นทอนเราจนไม่สามารถทำอะไรได้สำเร็จ
จากพจนานุกรมเด็กแนว ผมได้ความมาว่า
แอ๊คอาร์ต…(ปาก) ว. แปลว่า วางท่าน่าหมั่นไส้, แสดงท่าทางอวดอำนาจ (จากเว็บ http://katana.blog.shinobi.jp/ศัพท์เด็กแนว)
แอ๊คอาร์ต ผมชอบคำนี้มากๆ มันทำให้ผมต้องหันกลับหลังอย่างฉับพลันเพื่อไปจ้องตากับ พวกที่ชอบคิดๆๆๆๆๆแต่ไม่ลงมือทำสักที และอยากจะถามดังๆว่า นี่นายใช่ไหม?
ในแต่ละวันคนเราคือเป็นหลายหมื่นเรื่อง มันแว๊บมาเรื่อยตามสิ่งต่างๆรอบตัวที่มาสัมผัสประสาททั้ง 6 จริงอยู่ที่การการกระทำทุกอย่างเริ่มจากความคิด ความคิดเปลี่ยนแปลงโลกได้ แต่ความคิดก็มีทั้งแบบที่ใช้งานได้กับแบบที่เป็นขยะ หากเราไปวนเวียนกับความคิดที่เป็นขยะมากเกินไปเรามักจะจมและหมกมุ่นจะหาทางออกไม่ได้ แต่หากว่าเรารู้จักใช้ระบบคัดกรองเลือกความคิดดีออกมา จะสามารถใช้ประโยชน์จากความคิดได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน” ประโยคนี้คุ้นๆไหมครับ? ผมเห็นด้วยกับคำนี้แต่ขออนุญาติแทรกข้อความเพิ่มเติมสักนิดว่า “เปลี่ยนความคิด แล้วลงมือทำ ชีวิตเปลี่ยนแน่นอน” คือ ไม่อยากให้ค้างกันที่คาวมคิดครับ อยากให้ความคิดเปลี่ยนเป็นรูปธรรมผ่านการกระทำอย่างจริงจัง
เห็นหลายคนที่คิดแล้ว พูดแล้ว แต่ก็ยังมัวแต่แอ๊คอาร์ตอยู่นั้น ทำให้เหมือนว่าจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ บางทีแต่งตัวให้เหมือนแต่สุดท้าย ความคิดยังเหมือนเดิม การกระทำก็เลยเหมือนเดิม แล้วอะไรรอบตัวจะเปลี่ยนไหมคร้าบบบบ?
เปลี่ยนความคิดแล้วลงมือทำตั้งแต่วันนี้ทีเถอะ เผื่อว่าอนาคตจะได้มีนวตกรรมใหม่ๆที่เกิดจากความคิดได้ให้ลูกให้หลานได้ใช้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นบ้าง
ถอดแอ๊คอาร์ตแล้วมาเริ่มกันเดี๋ยวนี้เลย……….