เล่าเรื่องสยองให้โลกจดจำในแบบ Stephen King
Stephen King เป็นนักเขียนที่มีสไตล์การเขียนเฉพาะตัว โดยเฉพาะเรื่อง “การสร้างพล็อต” ซึ่งเขาเคยอธิบายไว้อย่างชัดเจนในหนังสือ On Writing: A Memoir of the Craft ว่าเขา ไม่วางพล็อตแบบละเอียดล่วงหน้า แต่ใช้วิธีที่เรียกว่า organic storytelling หรือการเล่าเรื่องแบบเติบโตเองจากแนวคิดหลักหรือ “what if” ไปเรื่อย ๆ
ต่อไปนี้คือเทคนิคหลักของ Stephen King ที่ใช้ในการสร้างพล็อต:
1. เริ่มจาก “What if…”
King มักเริ่มจากคำถามง่าย ๆ เช่น:
“What if a writerถูกจับขังโดยแฟนคลับโรคจิต?” (Misery) “What if a carมีชีวิตเป็นของตัวเอง?” (Christine) “What if a dogติดเชื้อพิษสุนัขบ้า?” (Cujo)
เทคนิคนี้ช่วยให้เริ่มต้นเรื่องได้โดยไม่ต้องคิดพล็อตจบตั้งแต่แรก
2. ไม่เขียน outline ล่วงหน้า
King เชื่อว่า พล็อตที่แข็งเกินไปทำให้ตัวละครไม่มีชีวิต เขาเขียนจากสถานการณ์ แล้วปล่อยให้ตัวละคร “เป็นตัวของตัวเอง” ตัดสินใจ และปล่อยให้เรื่องราวคลี่คลายไปตามธรรมชาติ
เขาเปรียบเทียบกระบวนการเขียนเหมือนการขุดฟอสซิล—ค่อย ๆ ขุดหาเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในดิน
3. ใช้ตัวละครนำทางพล็อต
เขามองว่าตัวละครที่ดีจะ “พาเรื่องเดินไปข้างหน้าเอง” เมื่อวางสถานการณ์ที่เข้มข้น ตัวละครจะ “แสดงออก” ว่าควรทำอะไร
King เคยกล่าวว่า “Story is a found thing. You dig it up.”
4. เขียนแบบไม่หยุด (first draft, no edit)
King เชื่อว่าการเขียนดราฟแรกต้อง “เขียนให้จบเร็วที่สุดโดยไม่หันกลับไปแก้” เพื่อรักษาพลังของจินตนาการและอารมณ์ต่อเนื่องของเรื่อง
5. เขียนสิ่งที่ทำให้ตัวเองกลัวหรือตื่นเต้น
เขาไม่เขียนเพราะต้องการสอนอะไรใคร แต่เขียนเพราะ “มันน่ากลัว มันแปลก มันทำให้ใจเต้น”
เขาเชื่อว่าหากนักเขียนรู้สึกอะไรกับเรื่องนั้นจริง ๆ คนอ่านก็จะรู้สึกตาม
6. คอนเซปต์เวลาและสถานที่ที่ธรรมดา แต่มีบางอย่างผิดปกติ
King มักสร้างสถานการณ์เหนือธรรมชาติในฉากที่คนคุ้นเคย เช่น เมืองเล็ก ๆ ครอบครัวธรรมดา โรงเรียน—แล้วใส่ความ “ผิดปกติ” เข้าไป
ตัวอย่างเทคนิค “What if…” พร้อมพัฒนาเป็นพล็อต
What if… เด็กที่พูดไม่ได้สื่อสารกับผีได้?
→ เด็กคนนั้นอาจกลายเป็นศูนย์กลางของเหตุการณ์ลี้ลับที่คนทั้งเมืองไม่เข้าใจ
→ ตัวละครอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
หากใครสนใจลองนำไปใช้ดูนะครับ