จะเป็นอย่างไรถ้า…มนุษย์ “สังเคราะห์ด้วยแสงได้” (photosynthetic humans)
ถ้ามนุษย์ “สังเคราะห์ด้วยแสงได้” (photosynthetic humans) จริง ๆ มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางชีววิทยาและนิเวศวิทยาครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วิวัฒนาการของโลกเลยทีเดียว โดยจะอธิบายให้เห็นภาพเป็นลำดับต่อไปนี้
1. ภูมิหลังทางชีววิทยา: ทำไมสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ไม่สังเคราะห์ด้วยแสง
การสังเคราะห์ด้วยแสง (photosynthesis) เป็นกระบวนการที่พืช สาหร่าย และแบคทีเรียบางชนิดใช้แสงอาทิตย์ น้ำ และคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อสร้างกลูโคส (อาหาร) และปล่อยออกซิเจน มนุษย์ไม่มีโครงสร้างเช่น คลอโรพลาสต์ (chloroplast) ที่บรรจุคลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในกระบวนการนี้ เพราะวิวัฒนาการของสัตว์เน้น “การเคลื่อนไหวและการกินสิ่งอื่น” มากกว่า “การอยู่กับที่แล้วสร้างอาหารเอง”
2. ถ้ามนุษย์สังเคราะห์ด้วยแสงได้จริง – ผลทางกายภาพ
ลองสมมติว่า มนุษย์มี เซลล์ผิวที่มีคลอโรฟิลล์ และสามารถใช้แสงอาทิตย์ได้อย่างพืช
- พลังงานที่ได้ไม่เพียงพอ
แม้ร่างกายคนเราจะมีพื้นที่ผิวราว 1.8 ตารางเมตร แต่การสังเคราะห์ด้วยแสงมีประสิทธิภาพต่ำมาก (เฉลี่ยแค่ 1–2%) นักชีวฟิสิกส์คำนวณไว้ว่า ถ้ามนุษย์ยืนกลางแดดจัดทั้งวัน ก็จะได้พลังงานเพียง 200 กิโลแคลอรีต่อวัน เท่านั้น ในขณะที่ร่างกายต้องการ 2,000–2,500 กิโลแคลอรี เพื่อดำรงชีวิต ดังนั้นมนุษย์ยังต้องกินอาหารเหมือนเดิม แต่อาจ “ลดการบริโภคได้บางส่วน”
- ผิวจะมีสีเขียว
ผิวของมนุษย์จะมี คลอโรฟิลล์สีเขียว เหมือนพืช หรืออาจวิวัฒนาการให้มีโทนสีน้ำตาลอมเขียวเพื่อป้องกันแสง UV คล้ายพืชทะเลทรายนอกจากนี้ต้องมีระบบหมุนเวียนออกซิเจนและกลูโคสเฉพาะทางในหลอดเลือดฝอยชั้นผิวหนัง
- วิถีชีวิตจะเปลี่ยน
คนจะนิยม “ออกแดด” มากขึ้นเพื่อผลิตพลังงานของตนเอง อาจเกิดแฟชั่นใหม่ เช่น “อาบแดดเพื่อชาร์จพลัง” หรือ “ชุดโปร่งแสงเพื่อการสังเคราะห์ด้วยแสงที่ดีที่สุด”
3. ผลทางนิเวศวิทยาและวิวัฒนาการ
- การลดแรงกดดันในห่วงโซ่อาหาร
ถ้ามนุษย์พึ่งอาหารจากแสงได้บางส่วน ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์หรือพืชจะลดลง → ลดการล่าและการทำเกษตรเชิงเดี่ยว → ระบบนิเวศฟื้นตัวได้บางส่วน
- การเปลี่ยนแปลงของประชากร
มนุษย์ที่อยู่ในเขตร้อนจะได้เปรียบกว่าคนในเขตหนาว เพราะมีแสงมากกว่า อาจเกิดการวิวัฒนาการทางภูมิภาค เช่น “สายพันธุ์มนุษย์เขียวเขตร้อน” และ “มนุษย์เขียวเขตขั้วโลก” ที่ปรับผิวและระบบเมแทบอลิซึมให้เหมาะกับแสงแดดต่างระดับกัน
- ผลต่อสิ่งแวดล้อม
ความต้องการพลังงานภายนอก (ไฟฟ้า น้ำมัน อาหารแปรรูป) อาจลดลง ซึ่งอาจช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของโลก แต่ถ้าอัตราการสังเคราะห์เพิ่มสูงมากจนเกิดออกซิเจนส่วนเกิน → อาจส่งผลต่อสมดุลของชั้นบรรยากาศ
4. ผลทางสังคม จิตวิทยา และวัฒนธรรม
- อาชีพที่เกี่ยวกับเกษตร อาหาร อาจลดความสำคัญลง
- ศาสนาและวัฒนธรรมอาจตีความใหม่ เช่น “แสงคือชีวิต” อาจกลายเป็นแนวคิดหลักของศีลธรรม
- ผู้คนอาจแข่งขันกันเรื่อง “ประสิทธิภาพในการสังเคราะห์ด้วยแสง” แทน “ความมั่งคั่งทางวัตถุ”
5. งานวิจัยและแนวคิดที่คล้ายกันในปัจจุบัน
-
นักวิทยาศาสตร์เคยทดลอง “ใส่ยีนสังเคราะห์ด้วยแสง” ของไซยาโนแบคทีเรียลงในเซลล์สัตว์บางชนิด เช่น ซาลาแมนเดอร์สีเขียว Ambystoma maculatum ซึ่งมีคลอโรพลาสต์อยู่ในเซลล์ตัวอ่อน เป็นหลักฐานแรกของ “สัตว์ที่มีพลังแสง”
(Kerstin et al., Proceedings of the National Academy of Sciences, 2011) -
นักชีววิศวกรรมพยายามสร้าง “cyborg plants” และ “biohybrid photosynthetic systems” ที่รวมเซลล์สังเคราะห์ด้วยแสงกับเซลล์สัตว์ เพื่อผลิตพลังงานสะอาดในอนาคต
6. บทสรุป
ถ้ามนุษย์สังเคราะห์ด้วยแสงได้จริง โลกจะเงียบสงบขึ้นในบางด้าน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเลิกกินอาหารได้ มนุษย์จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตแบบ “autotroph กึ่ง heterotroph” หรือ “สิ่งมีชีวิตลูกผสมระหว่างพืชกับสัตว์” มันจะเป็นการพลิกวิวัฒนาการทั้งทางชีวภาพ จิตใจ และวัฒนธรรมให้สอดคล้องกับ “พลังของแสง”
🔬 เอกสารอ้างอิง
-
Kerney, R., et al. (2011). Intracellular invasion of green algae in a salamander host. PNAS, 108(16), 6497–6502.
-
Raven, J. A. (2013). The evolution of autotrophy in eukaryotes. Biological Reviews, 88(2), 305–347.
-
Blankenship, R. E. (2014). Molecular Mechanisms of Photosynthesis. Wiley-Blackwell.
-
Wolstencroft, R., & Raven, J. A. (2002). Photosynthesis: Solar Energy for Life. Nature Reviews, 3, 524–532.