CODA เมื่อเสียงหัวใจมันดังกว่าคำพูด
การสื่อสารคือเรื่องพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ หนึ่งในวิธีที่ใช้เป็นกิจวัตรคือคำพูด แต่ถ้าไม่สามารถพูดกันได้แต่ต้องอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว ชีวิตมันจะวุ่นวายขนาดไหน
*อาจมีสป๊อยซ์บ้างพอเป็นพิธี
จริงๆแล้ว CODA เป็นหนังที่เล็งว่าอยากจะชมตั้งแต่ก่อนปตะกาศรางวัลออสการ์ แต่ในวันที่ประกาศรางวัล CODA คว้ามาหลายรางวัลมาก และยิ่งได้รู้ว่าดาราสมทบชายอย่าง ทอย คอตเซอร์ คือ คนหูหนวกจริงๆ เราถึงกับต้องร้องว้าว ไม่ดูตายตาไม่หลับแน่ๆ จึงต้องไปแสวงหาสักกะหน่อย
ดูจบถึงกับต้องอุทานว่า “ไปอยู่ไหนมาเนี่ย” (หมายถึงตัวเองนะ) เป็นหนังที่ควรค่าแก่การใช้เวลาเก็บรับความละมุนละไมของบท ภาพ และบรรยากาศทุกอย่างของหนัง นานแค่ไหนที่ไม่ได้สัมผัสหนังฟีลกู๊ดแบบนี้
CODA เป็นหนังสะท้อนชีวิตครอบครัวชาวประมงที่ประกอบไปด้วยลูกชาย 1 ลูกสาว 1 และพ่อกับแม่ ความพิเศษของครอบครัวนี้คือ ลูกสาวนามว่า รูบี้ เป็นคนเดียวที่หูดีและสามารถพูดสื่อสารกับคนอื่นด้วยคำพูดได้ ส่วนที่เหลือ 3 คนนั้นหูหนวกและต้องใช้ภาษามือในการสื่อสาร (เปิดเรื่องก็น่าสนใจแล้วใช่ไหมครับ)
ด้วยที่ว่าลูกสาวคือคนหูดีคนเดียวในบ้านเธอจึงเหมือนเป็นที่พึ่งหลักของครอบครัว ในยามออกเรือต้องติดต่อยามฝั่ง หรือในยามครอบครัวต้องสื่อสารกับคนที่เกี่ยวข้อง ทุกอย่างพุ่งมาที่เธอและเพราะสิ่งนี้มันจึงเหมือนบีบบังคับทำให้เธอต้องโตเกินวัยเพื่อจะรับภาระอันหนักอึ้งนี้ ความกดดันกลายเป็นความเครียดที่สะสมมาตลอดระยะเวลา แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เธอเป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเองได้คือ “การร้องเพลง”
รูบี้ชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไม่เคยมั่นใจในตัวเองแบบที่จะกล้าพอร้องให้ใครๆฟัง จนวันหนึ่งที่ต้องสมัครเข้าชมรมโรงเรียน เธอตัดสินใจเลือกลงชมรมประสานเสียง ซึ่งเอาจริงๆไม่ใช่เธออยากจะลงขนาดนั้น แต่เพราะเจ้าหนุ่มที่แอบชอบอยู่ลงชมรมนี้เหมือนกันต่างหาก เรื่องราวเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆจุดพีคไปถึงว่า เธอเลือกที่จะสอบเข้าโรงเรียนดนตรีโดยมีมิสเตอร์วี ครูประจำชมรมเป็นคนหนุนหลัง แต่ครอบครัวไม่เห็นด้วยเพราะช่วงนั้นเริ่มมีปัญหาการทำประมงทุกอย่างรุมเร้าเข้ามาพร้อมๆกัน สาวน้อยชาวประมงจะตัดสินใจอย่างไร ปมเรื่องต่อจากนี้ไปเป็นอะไรที่เข้มข้นและสุดแสนประทับใจมากๆครับ ผมจะจบไว้ตรงนี้
สิ่งที่ผมประทับใจนอกจากงานภาพและนักแสดงที่ขอยกนิ้วให้สิบนิ้วว่าเล่นได้ดีกันทุกคน (โดยเฉพาะการสื่อสารกันโดยภาษามือไม่น่าจะใช่เรื่องง่ายๆสำหรับนักแสดงบางคน) นั้นคือเรื่องราวที่หนังตั้งใจสื่อในเรื่องของความรักหลากหลายมิติไม่ว่าจะเป็น ความรักในครอบครัว รักในแบบหนุ่มสาว รักในแบบครูกับศิษย์ ซึ่งครบและอิ่มฟินปนฮาจนน้ำตาเอ่อ
ฉากประทับใจมีหลายฉากมาก ถ้าไล่เรียงจริงๆประทับสุดก็คือ ฉากที่รูบี้กำลังร้องเพลงเพื่อสอบคัดตัวและครอบครัวแอบเข้ามาทั้งๆที่รู้ว่ายังไงก็คงไม่ได้ยินแต่ขอมาเป็นกำลังใจก็พอ แต่แล้วรูบี้ก็ใช้วิธีใช้ภาษามือพร้อมๆกับการร้องเพลง บอกเลยว่าฉากนค้อบอุ่นสุดๆ ชอบๆๆๆ
ขอตบมือดังๆนานๆและขอชื่นชมสมแล้วที่ได้ออสการ์ เชื่อเชิญให้ทุกคนใช้หัวใจดูหนังเรื่องนี้ แล้วจะพบว่ามันอบอุ่นจริงๆ