Training

Talk แบบไหนให้ได้แบบ TED

TED Talk เป็นรูปแบบการนำเสนอที่ทรงพลังและเป็นที่นิยมทั่วโลก ด้วยหลักการที่มุ่งเน้นการถ่ายทอดไอเดียที่น่าสนใจและสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้ฟัง โดย TED Talk มักจะใช้การเล่าเรื่องราว (Storytelling) ผสานกับสื่อที่สอดคล้องเพื่อสื่อสารไอเดียอย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย การเตรียมการนำเสนอแบบนี้จึงต้องอาศัยการวางแผนและการฝึกฝนอย่างละเอียดเพื่อให้เนื้อหามีผลกระทบสูงสุด ทั้งการเลือกหัวข้อที่ทรงพลัง การสร้างความเชื่อมโยงกับผู้ฟัง และการสื่อสารที่น่าติดตาม

1. เลือกประเด็นที่ทรงพลัง

  • ความสำคัญของไอเดีย: ควรเลือกหัวข้อที่คุณรู้สึกหลงใหลและมีความหมายต่อคุณ เรื่องนั้นควรเป็นสิ่งที่คุณเชื่อว่ามีผลกระทบต่อผู้ฟังและเป็นไอเดียที่ “ควรค่าแก่การแชร์” ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของ TED Talks
  • การเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน: เลือกหัวข้อที่สามารถเชื่อมโยงกับชีวิตของผู้ฟังได้ ไม่ว่าจะเป็นในมุมของประสบการณ์ ความรู้ หรืออารมณ์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณมากขึ้น

2. เริ่มต้นด้วยการเชื่อมโยงกับผู้ฟัง

  • เริ่มด้วยคำถามหรือคำพูดที่ดึงดูด: คำถามปลายเปิด เช่น “คุณเคยรู้สึก… ไหม?” หรือ “ลองนึกถึง…” จะช่วยให้ผู้ฟังหยุดและคิดตาม
  • ใช้คำพูดที่กระตุ้นความคิด: คำพูดที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้งสามารถดึงดูดผู้ฟังได้ทันที เช่น “เคยสงสัยไหมว่าทำไม…” หรือ “รู้หรือไม่ว่า…” ที่กระตุ้นให้ผู้ฟังคิดตามหรือมีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้น

3. เล่าเรื่องอย่างทรงพลัง (Storytelling)

  • โครงสร้างการเล่าเรื่อง: การเล่าเรื่องควรมีสามส่วนคือ เริ่มต้น ดำเนินเรื่อง และบทสรุป ใช้การเชื่อมโยงที่ลื่นไหลระหว่างแต่ละส่วน โดยเล่าเรื่องให้เหมือนมีบทละครที่ผู้ฟังสามารถติดตามและรู้สึกเข้าใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • สร้างความรู้สึกเชื่อมโยง: ใช้ประสบการณ์จริง หรือเรื่องราวที่คุณเคยพบเจอ เพื่อสร้างความรู้สึกใกล้ชิดกับผู้ฟัง อาจเป็นเรื่องราวที่คุณต้องก้าวข้ามความท้าทายหรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกถึงการร่วมเดินทางไปกับคุณ

4. ใช้ภาพและสื่อประกอบที่สอดคล้อง

  • เลือกภาพที่สะท้อนเนื้อหา: ควรเลือกภาพหรือสื่อที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับเนื้อหา การใช้ภาพถ่ายที่สะท้อนถึงความรู้สึกในเนื้อหาจะช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจและรู้สึกอินได้มากยิ่งขึ้น
  • ใช้ข้อความให้น้อยที่สุด: ข้อความควรจะเป็นคำสำคัญหรือคำที่เน้นประเด็นหลัก หลีกเลี่ยงการใช้ย่อหน้าเต็มในสไลด์ ควรเน้นให้เป็นการสื่อสารภาพรวมของเนื้อหามากกว่าข้อมูลรายละเอียด

5. ทำให้เนื้อหาง่ายต่อการเข้าใจ

  • เน้นหลักการ 3 ข้อหลัก (Rule of Three): การแบ่งเนื้อหาออกเป็นสามข้อหลักจะช่วยให้ผู้ฟังสามารถจดจำและเข้าใจได้ง่าย ควรเน้นประเด็นสำคัญที่คุณต้องการให้ผู้ฟังจดจำ และลำดับการนำเสนอให้ชัดเจน
  • หลีกเลี่ยงคำศัพท์วิชาการ: หากเนื้อหามีศัพท์ที่ซับซ้อน ควรอธิบายให้กระชับและใช้คำอธิบายที่ง่ายที่สุด การใช้ภาษาง่ายๆ จะช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าใจได้

6. ควบคุมอารมณ์และการสื่อสารด้วยน้ำเสียงและท่าทาง

  • ฝึกควบคุมจังหวะการพูด: การใช้จังหวะช่วยเพิ่มพลังการสื่อสาร เช่น หยุดพักเพื่อให้ผู้ฟังมีเวลาคิดตาม หรือเพิ่มความเร็วเมื่อต้องการสร้างความตื่นเต้น แต่ต้องระวังไม่พูดเร็วเกินไปจนผู้ฟังตามไม่ทัน
  • ท่าทางและสายตา: ใช้ท่าทางเพื่อเสริมความหมายของคำพูด การสื่อสารด้วยมือและสายตาจะช่วยให้คุณดูมีความมั่นใจและมีการเชื่อมโยงกับผู้ฟังมากยิ่งขึ้น

7. ซ้อมจนมั่นใจ

  • ฝึกซ้อมต่อหน้ากระจกหรือกล้อง: จะช่วยให้คุณเห็นตนเองและปรับปรุงได้ทันที เช่นการตรวจสอบภาษากาย การเน้นน้ำเสียง และการปรับการเคลื่อนไหวให้สอดคล้องกับเนื้อหา
  • ขอคำแนะนำจากเพื่อนหรือผู้เชี่ยวชาญ: ลองนำเสนอต่อเพื่อนหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำติชม การได้รับมุมมองจากผู้อื่นจะช่วยให้คุณมองเห็นจุดที่ควรปรับปรุง

การเตรียมการแบบละเอียดนี้จะช่วยให้คุณสามารถนำเสนอ TED Talk ได้อย่างมีพลัง น่าจดจำ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ฟัง

tonypuy

รักเรียนรู้ กู้บ้างพอเป็น drive รักท่วงทำนองดนตรี ครีเอตคอนเทนต์ไปเรื่อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.