สุขแบบโสดหรือสุขแบบมีคู่ดี ?
ความโสดไม่เคยปราณีใครเพราะมันกำลังเฆี่ยนเราด้วยความเหงา แต่การมีคู่ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตมันจะสุขอยู่ตลอดเวลา แล้วแบบไหนละถึงจะใช่สำหรับการใช้ชีวิตในปัจจุบันนี้
เข้าช่วงเทศกาลแห่งความรักในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นอะไรที่ใครหลายคนต้องร้อนตัว โดยเฉพาะสมาคมคนโสดทั้งหลาย คิดในใจเสียงดังว่า จะยืมใครมาควงก่อนดีน้าาาา เห็นใครๆเขามีคู่เราดูแล้วก็กุ้ม ว่าแล้วก็พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ ผมมีอะไรจะเล่าให้ฟังแล้วเชื่อผมเถอะว่า คนโสดๆจะสบายใจขึ้นเยอะเลยทีเดียว
ได้เจอข้อมูลที่น่าสนใจจากเว็บ www.unigang.com เขานำข้อมูลจากบริษัทหาคู่ระดับมืออาชีพที่ชื่อว่า MeetNLunch ของอเมริกา มีการคาดการณ์ว่าในปี 2563 หรืออีกประมาณ 5 ปีข้างหน้านี้ จำนวนประชากรหญิงไทยจะมีปริมาณมากกว่าผู้ชายถึง 1.5 ล้านคน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงตัวคนเดียว มีมากถึง 5.6 ล้านคนในจำนวนนี้จะรวมทั้งผู้หญิงม่ายและผ่านการอย่าร้าง อันเนื่องมากจากผู้ชายมีอัตราการเสียชีวิตมากขึ้น อันเนื่องมาจากการใช้ชีวิตแบบสมบุกสมบัน ทั้งกิน เที่ยว ขับรถเร็ว เป็นต้น และผู้ชายมีการแต่งงานใหม่เร็วกว่าผู้หญิง รวมถึงอัตราการแต่งงานที่ช้าขึ้นถึง 45%
อ่านถึงตรงนี้แล้วคนโสดหลายๆคนก็เริ่มหวั่น คนมีคู่แล้วก็เริ่มหวาดๆ แต่อย่าเพิ่งตื่นเต้นกันขนาดนั้นเลยครับ เราตั้งสติแล้วหันกลับมามองตัวเองกันดีกว่าครับว่า สถิติก็คือสถิติ ตัวเลขก็คือตัวเลข เราไปปรับอะไรมันไม่ได้ แต่เราก็ยังเป็นเรา เราสามารถที่จะปรับที่ตัวเราได้ จริงไหมครับ?
สำหรับคนโสดที่ยังไม่มีคู่ก็อย่าเพิ่งสิ้นหวังนะครับ หันมาปรับความคิด ทัศนคติของตัวเอง คิดซะว่ามีหรือไม่มีคู่ฉันก็อยู่ของฉันอย่างมีความสุขได้ มองให้ลึกว่าชีวิตโสดมันมีคุณค่ามากเพียงไหน จากนั้นปรับบุคลิกภาพ ปรับการแต่งตัวให้ดูดี สร้างคุณค่าตัวเองให้เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ไม่แน่ว่า เพราะการปรับความคิดและปรับบุคลิกของเรา จะนำพาเราไปเจอใครดีๆสักคน และวันนั้นเราก็พร้อมที่จะสละโสดอย่างมีความสุขได้
สำหรับคนที่มีคู่แล้วก็อย่าคิดว่านั้น คือ วันที่เราสิ้นสุดอิสรภาพ จริงๆความคิดแบบนี้ผมมองว่าเป็นความคิดที่โหดร้ายกับตัวเองและคู่ของเรามากไปหน่อยครับ เมื่อเราเลือกที่จะใช้ชีวิตคู่แล้ว เราทั้งคู่ก็ควรจะต้องทำความเข้าใจธรรมชาติของการใช้ชีวิตคู่ ที่เป็นเรื่องที่เราต้องปรับตัว เรียนรู้ และเข้าใจที่จะอยู่ร่วมกันให้ได้ ผมมองว่าการใช้ชีวิตคู่เหมือนกับตำส้มตำนะ เปรี้ยว หวาน เผ็ด เค็ม อยู่ที่คนสองคนช่วยกันปรุงเพื่อจะทานกันให้อร่อยได้ มันเป็นการจัดการสมดุลของเหตุผล อารมณ์ และความรักนะ อยู่ที่คุณทั้งคู่จะคลุกเคล้าและรักษาสมดุลให้ยั่งยืนเพียงใด
มาถึงตรงนี้ผมคงต้องสรุปชัดๆไปเลยว่า ไม่ว่าคุณกำลังโสดหรือกำลังมีคู่รักหวานแว๋ว ท้ายที่สุดคงต้องมองไปถึงว่า คุณเข้าใจตัวเอง เข้าใจในสถานการณ์การใช้ชีวิตของคุณในสภาวแบบที่เป็นอยู่ได้ดีแค่ไหน มีความสุขหรือเปล่ากับสิ่งที่เป็นอยู่ หากทุกอย่างยังดีอยู่ ยังสุขอยู่ เราก็สามารถมีความสุขแบบโสด หรือ สุขแบบมีคู่ได้เช่นกัน
ในเทศกาลแห่งความรักนี้ของให้ทุกท่านมีความสุขในอย่างที่ท่านเป็นทุกท่านครับ