ส่วนเกินที่ถ่วงเรา
ช่วงนี้ได้อ่านหนังสือแนวคล้ายๆกันอยู่สองเล่มนั่น คือ The 4-hour Workweek แปลเป็นภาคภาษาไทย คือ สบายดีแต่รวยได้ แต่งโดยคุณ ทีโมทีหรือทิม เฟอร์ริสส์ ซึ่งตอนนี้หายากมากๆ ครับผมเองก็ไปแสวหาตามแนวทางของคนอยากอ่านมาจนได้ และอีกหนึ่งเล่มคือ The Power of Less หรือแปลเป็นไทยว่า ทำน้อยให้ได้มาก แต่งโดย Leo Babauta เล่มนี้เพิ่งพิมพ์ออกมายังหาได้ไม่ยากครับ ประเด็นของทั้งสองเล่มที่มาบรรจบที่ทำให้ผมปิ๊งแว็บแล้วต้องดีดนิ้วว่าใช่เลย คือเรื่องของ การใส่ใจในเรื่องที่ใช่ให้เป็นและตัดส่วนที่ไม่ใช่แบบไม่ต้องไปเสียดายมัน เราทำชีวิตให้ง่ายได้กว่าเยอะครับ
จริงของเขาที่หนังสือที่สองเล่มย้ำอยู่บ่อยๆว่า เรามักเสียเวลาไปกับส่วนเกินที่ไม่ใช่ เช่น ต้องอ่านอีเมลทุกทีที่มันร้องเตือนทุกฉบับ แทบทุกนาที,รับข่าวสารที่มากเกินไป,สนทนาหรือประชุมที่ยืดเยื้อหาสนามบินลงไม่ถูก,สุมงานทุกอย่างมาที่เราเพราะคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด ทุกอย่างคือสิ่งที่มีแต่เพิ่มๆๆๆๆ เพิ่มแบบไม่รู้ตัว เพิ่มจนเกินจำเป็น จนสุดท้ายก็ดิ้นไปไหนไม่ได้ ถมตัวเองชัดๆ ต่อไปนี้เราควรจะมาเรียนรู้ศิลปะของการกำจัดสิ่งที่ไม่ใช่ออกไปซะบ้าง
ต้องยอมรับว่า สิ่งที่ไม่ใช่ แท้ที่จริงก็คือ ส่วนเกินที่เรายอมให้มันเข้ามาเป็นเจ้าชีวิตและชาชินกับส่วนเกินมากเกินไปจนมันกลายเป็นตัวถ่วงไม่ให้เราเกิดการพัฒนาไปสู่ความสำเร็จได้ จริงอยู่ว่าการเรียนรู้ที่จะเอาออกหรือตัดออกบ้างมันดูจะยากกว่าการหามาเพิ่ม แต่เราก็จำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อสิ่งที่ดีกว่า จริงมั๊ยครับ?
จริงๆแล้วผมมองว่าธรรมชาติของชีวิต คือ ความเรียบง่าย เมื่อก่อนไม่มีอะไรซับซ้อนขนาดนี้ยังอยู่กันได้แบบมีความสุข แต่เดี๋ยวนี้เราปล่อยให้ชีวิตมันเยอะไปกับสิ่งที่เกินธรรมชาติมากเกินไปจนถึงขั้นกับมองข้ามคุณค่าของชีวิตไป ไปยึดติดกับความสุขที่มีเงื่อนไขผูกกับเงินทองมากเกินไป มองเงินเป้าเป้าหมายแทนที่จะมองเป็นแค่ปัจจัยหรือสะพานข้ามไปสู่ความสุขที่เหนือกว่านั้น
เรียนรู้ที่จะตัดส่วนเกินที่เป็นตัวถ่วงออกไปบ้างเพื่อความสุขที่มากกว่า