มาฟิตพลังสติเพื่อโต้คลื่นโซเชียลกันเถอะ
โลกมีไว้ให้เรียนรู้ เราเกิดมาเพื่อเรียนรู้เช่นกัน หากว่าเราเป็นอันต้องหยุดเรียนรู้ไป นั้นคือวันที่ความโง่ได้เดินมาเคาะประตูหน้าบ้าน และเมื่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้เกิดขึ้นแล้ว มันก็ไม่ได้เลวจนหาดีไม่ได้ หรือดีเลิศจนหาเลวปนไม่ได้เช่นกัน
เมื่อก่อนกว่าจะได้รู้ข่าวคราวใดใด ไม่ได้ง่าย ยิ่งข่าวจากอีกฟากโลกยิ่งยาก แต่สมัยนี้เรื่องที่ไม่อยากรู้ก็ยังได้รู้ เมื่อโลกมันย่อส่วนมาอยู่บนจอมือถือแคบๆ เราก็รับรู้มันไป เสพมันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
หลายวันก่อนพิธีกรดังแพ้อารมณ์ตน ควบคุมตัวเองไม่อยู่จนถึงกับทำร้ายคู่กรณี และมาไม่กี่วันก็มีเรื่องของนักพูดดังกับปัญหาที่ตนเองได้กล่าววาจาออกไปแล้วสร้างปัญหาตามมา เรื่องทั้งสองเรื่องเกิดขึ้นอย่างเร็วและดังชั่วข้ามคืนด้วยเทคโนโลยีด้านการสื่อสารในนามโลกของสังคมออนไลน์
ใจจริงแล้วเมื่อหลายสิ่งอย่างมากระทบเราเองก็ปุถุชน เผลอไปมีอารมณ์บ้างชั่วครั้ง แต่เมื่อใช้กำลังสติดึงตัวเองกลับมาอยู่ในความปกติก็พบว่าเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นแล้ว มันก็ไม่ได้เต็มไปด้วยความเลวร้ายแบบ 100% สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จาก 2 เรื่องนี้ คือ
- อารมณ์ คือ สิ่งที่เราต้องระวังมันที่สุด ถ้าใช้จนเปลืองมันจะกลับมาทำร้ายเราจนเราอาจอยู่ต่อไปในสังคมได้อยาก พึงระวังเรื่องอารมณ์โดยใช้เครื่องมือ คือ สติเข้ามาจับอารมณ์ให้เท่าทัน
- คำพูด คือ สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังเช่นกัน ยังใช้ได้ดีเยี่ยมกับประโยคที่ว่า “คำพูดเมื่อหลุดออกจากปาก มันจะกลายเป็นนายเรา” ฉะนั้นจงไตร่ตรองก่อนจะพูดออกมา สิ่งสำคัญที่จะเท่าทันคำพูดไดก็คือ สติอีกเช่นกัน
ก็ต้องขอขอบคุณครูทั้งสองเคสที่กล่าวมาทำให้ย้อนมองมาที่ตัวเองเพื่อเข้าสู่โหมดเพิ่มกำลังสติให้เข้มแข็งขึ้น เพราะไม่รู้ว่าจะมีเรื่องราวอะไรอีกในวันพรุ่งนี้ที่จะมาท้าท้าสติและปัญญาของเราอีก และสุดท้ายนี้หากมองว่าการให้ คือ สิ่งที่ยอดเยี่ยม เราก็ควรกล้าที่จะให้อภัยกันเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
คลื่นโซเชียลที่ถาโถม ไม่รู้ถูกผิด ปนเปไปด้วยพายุบุแคมแห่งอารมณ์ ก่อตัวเป็นคลื่นยักษ์คอยซัดให้เราหลงทางอยู่เสมอ
ฉะนั้นมาฟิตพลังสติเพื่อโต้คลื่นโลกโซเชียลกันเถอะครับ