Slow life = ชีวิตที่สมดุล
ในกระแสสังคมที่มีการพูดถึงชีวิตในรูปแบบ slow life แบบจุดประเด็นกันได้สนุกสนานและดุเดือดในบางจุด ผมเองก็อยากรู้อยากเห็นกับเขาบ้าง ไปอ่านกระทู้บ้าง อ่านโพสต์ อ่านคอมเมนท์บ้าง ก็มีทัศนะแตกต่างกันไปและน่าสนใจ เลยอยากจะร่วมแจมด้วยข้อเขียนสั้นๆ บทนี้ในแบบของผมเองบ้าง
จริงๆแล้วคำว่า Slow life นี้มันก็ คือ วิถีชีวิตแบบไทยๆ ในสมัยก่อนนั้นละครับครับ เพราะสังคมไทยโบราณนั้นเป็นสังคมเกษตรกรรมที่ต้องพึ่งพาปัจจัยที่ขึ้นกับธรรมชาติมากๆ สังเกตให้ดีครับ เรื่องวัฒนนธรรมและประเพณีของไทยจะเกี่ยวกับ แม่น้ำ ภูเขา ป่าไม้ เทือกสวนไร่นาทั้งนั้น และที่สำคัญคือ ความสัมพันธ์กันในชุมชนจะเป็นในลักษณะกลุ่มขนาดใหญ่ ญาติพี่น้องจะอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวขยายในระดับหมู่บ้าน มีความผูกพันธ์กันสูงและอบอุ่นมากๆ กุศโลบายที่ทำให้ญาติพี่น้องกลมเกลียวกันตลอดเวลา คือ ประเพณีการรวมญาติทำบุญหาบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ ประเพณีนี้เป็นดั่งศูนย์รวมจิตใจให้กับลูกหลานรุ่นหลังๆได้เป็นอย่างดี
แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป คนไทยกลับต้องใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ คร่ำเครียดกับการงานเอาแต่รายได้กับวัตถุหรูหราเป็นตัวตั้ง จนลืมเวลาพักผ่อนหรือไปมาหาสู่ญาติพี่น้อง ห่างไกลจากธรรมชาติจนลืมธรรมชาติ ละเลยการใช้ชีวิตแบบช้าแต่ชัดเหมือนแบบสมัยก่อน แต่ก็ไม่ใช่ว่ายุคนี้จะใช้ชีวิตแบบ slow life ไม่ได้นะครับ
ประเด็นที่ผมเห็นคือ ยุคสมัยเปลี่ยนไป การจัดการชีวิตให้สมดุลก็เปลี่ยนไป ชีวิตปัจจุบันเร่งรีบจนขาดสมดุล บางคนหนักหน่อยถึงกับมีปัญหาครอบครัวจนต้องหาทางออกโดยพาครอบครัวจากโลกนี้ไป นี้คงเป็นชีวิตในแบบ fast life นี้เอง และแต่หากว่าจะกลับไปสู่ชีวิตในแบบสมดุลได้นั้น ผมก็เชื่อว่า slow life ก็คือ การจัดการชีวิตให้สมดุลได้นั้นเอง
ในความคิดผมนะ ชีวิตแบบ slow life แท้จริง คือ การรู้จักจัดการให้ชีวิตอยู่ในภาวะสมดุลให้ได้ ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ซึ่งเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เราใช้ชีวิตอย่างสมดุลได้นั้น คือ การใช้สติปัญญาให้มากพอในการดำเนินชีวิต รู้เท่าทันสิ่งรอบรอบตัว และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งเหล่านั้นได้อย่างมีความสุข จะเลี้ยงควายแบบชิลๆหรือนั่งจิบกาแฟแก้วละหลายแบบสบายๆแต่ชีวิตยังสมดุลก็โอเคแล้วครับ
ไม่ว่าจะยุคนี้หรือยุคไหนผมคิดว่าเราสามารถจะใช้ชีวิตแบบ slow life ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะใช้มันหรือเปล่านั้นเอง