ผู้เปิดประตูสู่ความสำเร็จที่ชื่อว่า “โค้ช”
โค้ช คือ ผู้เปิดประตูให้ที่เหลือคือหน้าที่ของเราว่าจะเดินเข้าไปหรือไม่? ประโยคนี้รับสารภาพอย่างลูกผู้ชายเลยว่า ไม่ได้คิดขึ้นเองแต่เหมือนกับว่าเคยได้ยินมาจากระดับผู้นำที่ไหนสักอย่าง (ขออภัยอย่างสูงครับผมที่จำไม่ได้จริงๆ) แต่ผมชอบมากๆตรงที่ว่าทำให้คำว่า “โค้ช” จับต้องได้แบบเห็นภาพชัดเจน
เมื่อก่อนคำว่า “โค้ช” เราอาจจะเคยได้ยินแต่ในวงการกีฬาในแง่ของผู้ฝึกสอน ดูแลสภาพทั้งร่างกายและจิตใจของนักกีฬาให้ใช้ศักยภาพของตนให้เกิดประโยชน์สูงสุดและนำชัยมาสู่ทีมได้ แต่ปัจจุบัน “โค้ช” ได้พัฒนาการนำมาใช้ในแง่ของธุรกิจ การเงิน หรือแม้กระทั่งเกี่ยวเนื่องไปถึงเรื่องของจิตวิทยาเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาชีวิต หรือที่มักรู้จักกันในนาม Life Coach นั่นเอง
จากมุมมองที่ผมได้จากการสังเกต โค้ชมีความจำเป็มากๆต่อความสำเร็จของเรา เพราะโค้ช คือ ผู้ที่มองเห็นทางออกของปัญหาหรืออย่างน้อยเขาก็เคยผ่านเรื่องยากๆในวงการนั้นๆมาแล้ว เราเรียนรู้จากคำแนะนำของโค๊ชแล้วต่อยอดไปสู่ความสำเร็จน่าจะสามารถไปได้เร็วกว่าไปลองผิดลองถูกเองเหมือนคนตาบอด มันช้าเกินไป ก็เลยเผลอนึกไปแว๊บถึงคำว่า “ศิษย์มีครู” ตรงนี้สำคัญจริงๆครับ
หลายคนอาจมองว่า “โค้ช” คือ ผู้สอนเท่านั้น แต่จริงๆแล้วความหมายคำว่า “โค้ช” มีมากกว่านั้น ผมมองว่าโค้ชมีความหมายผสมผสาน ทั้งครู เพื่อน พี่ ที่ปรึกษา หรือบางครั้งอาจต้องทำหน้าที่เป็นนักปลอบมืออาชีพด้วย
โค้ช คือ ผู้ที่ทำเรื่องยากเป็นเรื่องง่าย และมีคุณสมบัติพิเศษที่สแกนคนเป็นเห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวคนอื่นๆ จากนั้นก็มีควาสามารถจูงใจให้เขาสามารถพัฒนาต่อยอดศักยภาพของเขาเองแปรเปลี่ยนเป็นพลังเพื่อขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จได้ในรูปแบบของตัวของเขาเอง ฉะนั้นผมจึงมองว่าโค๊ชควรจะต้องมีคุณสมบัติสำคัญ คือ เป็นนักสังเกตเชิงลึก,จับประเด็นได้เร็ว,รู้เท่าทันความสามารถของคนอื่นๆ,ใจกว้างและเป็นผู้ฟังที่ดีมากๆ,เป็นนักสื่อสาร นักถ่ายทอดมืออาชีพ และที่สำคัญคือ เป็นนักจูงใจที่มีเมตตา นั้นหมายถึงว่า โค้ช คือผู้ที่ข้ามพ้นเรื่องอัตตาไปสู่การปรารถนาให้คนอื่นได้ดีและยินดีแบบสุดๆหากเขาประสบความสำเร็จ
โค้ชที่ดีมักจะทำให้เราระลึกอยู่เสมอว่า เรามีดีในตัวเราที่ไม่เหมือนคนอื่น และเราสามารถพัฒนาศักยภาพในตัว แปรความฝันเป็นเป้าหมาย ฝ่าฝันอุปสรรคด้วยแรงใจเต็มเปี่ยม ไปสู่ความสำเร็จในแบบของเราได้ โค๊ชมักจะบอกเราเสมอว่า โค๊ชดีแค่ไหนแต่ตัวคุณไม่เคยยอมรับศักยภาพตัวเองว่ามีดีและไม่กล้าแม้แต่จะก้าวไปข้างหน้า ก็จงอย่างคาดหวังความสำเร็จ และเมื่อถึงเวลาที่เราสำเร็จโค๊ชจะยืนยิ้มอยู่หลังเวที และโค๊ชจะมองหาผู้ที่อยากสำเร็จคนต่อไป เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสความสำเร็จบ้าง