เด็กสมัยนี้กับเราจะไปอย่างไร ?
เด็กสมัยนี้ ไม่อดทน เปลี่ยนงานบ่อย ชอบงานสบาย ไม่อดทน เห็นแล้วหงุดหงิด มันอย่างงั้นอย่างงี้ ประโยคเหล่านี้อาจได้ยินบ่อยๆ อาจลอยมาตามลมที่เปลี่ยนผ่านแห่งยุคสมัย มันอาจเป็นความหงุดหงิดแห่งยุคสมัยของคนสัมยโน่นแต่มันก็คือความจริงที่เราต้องทำคว่มเข้าใจให้มากๆและอยู่กับมันให้ได้
ไม่ใช่อะไรหรอก แม้แต่ตัวผมเองก็ยังเป็นอยู่บ่อยๆ ที่แอบเผลอพ่นคำว่า “เด็กสมัยนี้มันเป็นอะไรกัน ?” ซึ่งหนักเข้าก็พาลติดลบสุดๆกับเด็กสัมยนี้ไป สุดท้ายเราก็จมโคลนแห่งอัตตาติดแหงกไปกับความไม่เข้าใจกันต่อไป…ในเวลาต่อมา..ไมเกรนถามถึงสิครับ
กระตุกคิดสะกิดปัญญา พุดพรวดออกมาจากโคลนแห่งอัตตา เพื่อควานหาคำตอบกันนี้กว่า กับคำถามที่ว่า “ทำไมเด็กสมัยนี้ถึงแสดงออกมาแแบนั้น ?”
ในเมื่อยุคสมัยมันเปลี่ยนผ่าน คนหลายยุคอยู่ในยุคเดียวกัน แน่นอนครับว่าการหล่อหลอม ประสบการณ์ รวมถึงความยากลำบากมันแตกต่างกัน ยุคก่อนอาบน้ำร้อนต้องใช้เตาถ่านต้มน้ำอาบ หรือบางคนเคยอาบแต่น้ำเย็นๆมาด้วยซ้ำ แต่สมัยนี้มัเครื่องทำน้ำร้อนแบบเปิดปุ๊บอุ่นปั่บ ซึ่งหากจะใช้คำว่า รุ่นก่อนเขาอาบน้ำร้อนมาก่อนก็ยังต้องคิดไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ว่าน้ำร้อนมันก็มีบริบทที่แตกต่างกันไป
ยุคเรา (กล่าวถึงคนอายุสัก 40 อัพ) อาจอยู่ในยุคกลางๆที่เห็นทั้งยุคแห่งการเคร่งเครียดในการงาน ทางเลือกของสาขาอาชีพที่มองระบบราชการคือทางเลือกที่ดีที่สุด การเป็นเจ้าคนนายคนคือความคาดหวังของพ่อแม่ หล่อหลอมจนกลายเป็นคนเจน X แต่กับเด็กยุคนี้เขามีทางเลือกมากขึ้น มีอิสระทางเลือกของอาชีพที่หลากหลาย ข้อมูลเปิดกว้าง และพ่อแม่เองก็ไม่อยากเห็นลูกหลานลำบากเหมือนตนเองจนต้องผลักดันทุกวิถีทางให้คนรุ่นนี้อยู่สุขสบายมากขึ้น เทคโนโลยีและโอกาสที่เปิดกว้างทำให้เด็กสมัยนี้โชคดีมากๆ
ก็นั่นละครับ ย้ำกับตัวเองว่าบริบทของยุคแต่ละยุคมันต่าง ความคิดและพฤติกรรมคนก็เลยต่างไปเช่นกัน รู้แบบนี้ก็พอทำใจได้ไม่น้อย แท้ที่จริงเราเองนี้ละจะต้องมาปรับตัวเองและต้องเรียนรู้และสร้างความเข้าใจกับคนรุ่นนี้ให้มากๆ
เลิกเฝ้าบ่นกร่นด่าเด็กสมัยนี้ หันมาทบทวนตัวเอง ตั้งแต่วิธีคิด ทัศนคติ และการกระทำ เข้าใจเขา เข้าใจเรา แล้วทำตัวให้สอดคล้องกับธรรมชาติของยุคสมัยซึ่งนั้นจะทำให้เราอยู่อย่างมีความสุขได้กับเด็กสมัยนี้