ผู้นำแบบไหนที่เราอยากเป็นกับ The 33
ผู้นำมีหลายแบบ หลายคนถูกเรียกว่าผู้นำ แต่ไร้ซึ่งภาวะผู้นำ บางคนดูไม่เหมือนผู้นำ แต่เมื่อสถานการณ์คับขันเขากลับลุกขึ้นมาพร้อมแก้ปัญหาก่อนใคร ผมได้เรียนเรื่องเรื่องราวของผู้นำไปกับ ภาพยนตร์เรื่อง The 33 มันยอดเยี่ยมมากครับ
ช่วงนี้ผมมีเวลาดูหนังได้ทุกวัน อย่างน้อยก็วันละเรื่อง จนดูเหมือนเป็นความตั้งใจอยากจะให้เป็นแบบนั้น นอกจากการอ่านหนังสือ พูดคุย ฟังเพลงแล้ว การดูหนังก็ถือได้ว่าเป็นการเรียนรู้อีกทางหนึ่ง หนังหลายๆเรื่องให้แง่คิด แรงบันดาลใจ หรือแม้กระทั่งจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ล่าสุดผมเพิ่งได้ดูหนังดีที่อยากจะเล่าสู่กันฟังกับหนังที่ชื่อสั้นๆแต่เนื้อหากินใจโคตรๆที่ชื่อว่า The 33
เป็นหนึ่งในหนังไม่กี่เรื่องนะที่ทำให้ผมซึ้งจนต้องเสียน้ำตาไปหลายรอบ บอกตรงๆแบบไม่อาย และควรค่ามากๆที่เสียน้ำตาให้หนังเรื่องนี้ เหตุการณ์ในหนังได้แรงบันดาลใจมากจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในชิลี คือ เกิดเหตุเหมืองทองคำถล่มทำให้คนงานเหมือง 33 คนต้องติดอยู่ใต้ดินลึกลงไปประมาณ 700 เมตร หินก้อนมหึมาปิดขวางทางออก และไม่มีทางใดจะหนีพ้นจากเหมืองนรกนี้ไปได้ คนงานเหมืองทั้ง 33 คนต่างต้องอยู่กันด้วยความหวัง ศรัทธา และความอดทนเพื่อรอความหวังให้คนมาช่วย กลับมาดูบนดินกับอีกหลายความหวังของญาติพี่น้องของคนงานเหมืองที่มารวมตัวฟังข่าวด้วยความวิตกกังวล จนฮีโร่ตัวจริงจากฝ่ายรัฐบาลชิลีรับผิดชอบโดยรมต.ว่าการกระทรวงเหมือแร่เป็นกำลังหลักในการทำภารกิจช่วยคนงานเหมือนในครั้งนี้ จังหวะหนังทำได้ดีมากๆครับ เขาทำเหมือนว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะช่วยคนงานเหมืองที่ติดอยู่ขึ้นมาได้ ดูแล้วก็กดดันและเครียดแทนคนที่เกี่ยวข้องมากๆ อึดอัดพอๆกับคนงานเหมืองที่ติดอยู่ใต้เหมืองนั้นละครับ อารมณ์หนังมันประมาณนั้นจริงๆ
แต่แล้วด้วยความหวัง ความศรัทธาในการมีชีวิตอยู่ และการช่วยเหลือจากประเทศต่างๆที่ส่งเครื่องเจาะและผู้เชี่ยวชาญมาช่วย ก็บันดาลให้ภารกิจสำเร็จลุร่วงช่วยเหลือคนงานเหมืองทั้ง 33 คนขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย สิ่งที่ผมชอบมากๆ คือ ช่วงการผ่านความยากลำบากในแต่ละช่วงของคนงานเหมือง การอดอาหาร น้ำ และอาจมีหงุดหงิดทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายมันก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยความเข้าใจและความหวังที่ต้องรอดกันไปให้ได้ สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นชัดๆจากหนังเรื่องนี้คือ ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ทุกคนมีชีวิตอยู่รอดได้ คือ ภาวะผู้นำที่แข็งแกร่งและพร้อมรับผิดชอบเต็มร้อย
ผู้นำ 3 แบบที่ผมได้เรียนรู้จากภาพยนต์ The 33
- ผู้นำที่ไวต่อเหตุร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น ผมกำลังพูดถึงหัวหน้าคนงานเหมืองที่รู้สึกผิดสังเกตุเรื่องโครงสร้างเมืองที่ผิดปกติ ไม่ค่อยแข็งแรง จึงไปแจ้งผู้จัดการเหมืองแต่กลับถูกต่อว่า สุดท้ายหัวหน้าคนงานเหมืองก็ลงไปเผชิญชะตากรรมกับทุกคน และเพราะเขานั้นละที่เตือนทุกๆคนได้เร็วพอให้ออกมาพ้นเขตอันตรายเข้าไปสู่ห้องหลบภัยได้ ผู้นำแบบนี้จะเป็นคนช่างสังเกตุ เร็สต่อการเปลี่ยนแปลง และมีความรับผิดชอบสูง
- ผู้นำธรรมชาติที่เกิดจากการยอมรับ พอเกิดสภาวะวิกฤตถึงขีดสุด ขนาดถึงกับต้องชกต่อยกันเพื่อแย่งอาหารที่เหลือน้อยนิด ผู้นำอย่างมาริโอก็ถือกำเนิดขึ้นจากการยอมรับของทุกๆคนจนต้องยอมให้ถือกุญแจหีบเก็บอาหารและรับหน้าที่บริหารจัดการแบ่งอาหารให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมและกินกันได้ยาวนานที่สุด นอกจากนี้เขายังเป็นคนแรกที่กล้าตั้งคำถามว่า มันน่าจะมีทางออกอื่นๆและเดินออกหาด้วยตัวเองทั้งๆที่ไม่มีใครเห็นด้วย และเด็ดไปกว่านั้นคือ ไม่เห็นแก่ตัวที่จะรับเงินจากการเสนอจากสำนักพิมพ์ให้เขียนหนังสือเอาตัวรอดรวยหนีเพื่อนๆไป ผู้นำประเภทนี้ถือว่ามีภาวะผู้นำเต็มเปี่ยมและพาเพื่อนๆรอดจากวิกฤตได้
- ผู้นำที่พร้อมพลีชีพรับผิดชอบ ตัวอย่างในหนังเรื่องนี้ คือ บทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเหมืองของชีลี เป็นหนึ่งในตัวละครที่ผมประทับใจมากๆครับ เมื่อเขารับปากกับญาติพี่น้องคนงานเหมืองแล้วนั้นคือ ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่จะทำให้คน 33 คนที่ความหวังมันแสนริบรี่เหลือเกินให้รอดชีวิตได้ เขากล้าหาญที่จะรับปากมากๆครับ เมื่อรับปากแล้วเขาก็ทุ่มเทประสานงานกับวิศวกรรมขุดเจาะ ร่วมคิด ร่วมทุกข์ และให้คำปรึกษาจนตัวเองไม่ได้หลับได้นอน เขาทำตัวอย่างกับว่าเป็นคนที่ 34 ที่ไปติดอยู่ข้างล่างนั้นด้วย และที่ซึ้งไปกว่านั้น คือ เขาเข้าไปคลุกคลีและให้กำลังใจญาติพี่น้องของคนงานเหมืองด้วยใจจริง
ผู้นำทั้ง 3 แบบนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้วิกฤตผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แม้จะดูเหมือนไม่มีหวังแต่ท้ายที่สุดความหวังก็ถูกจุดประกายขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยภาวะผู้นำทั้ง 3 แบบนี้ ใครสนใจจะศึกษาเรื่องภาวะผู้นำพลาดเรื่องนี้ไม่ได้นะครับ ผมให้เรื่องนี้เต็ม 10 ครับ