โปรดระวังในความเข้าข้างตัวเอง
(เข้าข้างตัวเอง) จนไม่เห็นหัวคนอื่น ท้ายที่สุดแล้วมันก็จะย้อนกลับมาทำร้ายเราเอง โปรดระวังในความคิดและการเข้าข้างตัวเองให้จงดี
เคยเป็นแบบนี้กันไหม ?
หลายครั้งที่เกิดปัญหาสิ่งแรกที่แว๊บขึ้นมาเลยในหัวคือ “ใครทำวะ” จากนั้นอารมณ์ก็เริ่มพลุ่งพล่าน แล้วพยายามหาแต่คนผิดมาลงโทษ จนลืมมองสถานการณ์ว่า ปัญหาจริงๆมันคืออะไร แล้วเราจะช่วยกันแก้ไขอย่างไร
ผมจะเล่าอะไรให้ฟังครับ
ผมจบสายวิทย์มาพอจะรู้กระบวนการทางวิทย์มาบ้าง นั้นก็คือ เมื่อเราเห็นปัญหาบางอย่าง เราจะเริ่มไปค้นหาข้อมูล จากนั้นวิเคราะห์แล้วเริ่มตั้งสมมุติฐาน (ความน่าจะเป็นไปได้) ออกค้นหาคำตอบด้วยการทดลองแบบต่างๆ จากนั้นก็รวบรวมข้อมูลแล้วนำมาสรุปผล โดยหากการทดลองซ้ำๆจนมากพอแล้วผลยังออกมาเช่นเดิมหรือใกล้เคียงแบบรับได้(ทางวิทย์เขามีศัพท์ว่า อย่างมีนัยยะสำคัญ) มันจะกลายเป็นกฎ
เอาละเกริ่นนำพอหอมปากหอมคอ เรื่องสำคัญมันอยู่ต่อจากนี้ไป
ในขั้นตอนการตั้งสมมุติฐานนั้นหากเราเผลอคิดและมั่นใจไปว่า สมมุติฐานนั้นละคือสิ่งที่ใช่และฉันจะทุ่มเททุกอย่างให้มันเป็นไปตามนั้น โอ้วววพระเจ้า….คุณกำลังตกหลุมกับดักแห่งการเข้าข้างตัวเองไปแล้ว หากคุณคิดเช่นนั้น คุณกำลังจะทำให้สมมุติฐานกลายเป็นกฎไปแล้ว ซึ่งมันเป็นการกระโดดข้ามขั้นและเป็นความผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย
ลองคิดดูสิว่า หากคุณเห็นใครคนหนึ่งแต่งตัวซ่อมซ่อ ฟันหล่อ คุณรีบตั้งสมมุติฐานตามประสบการณ์เดิมๆกับข้อมูลที่มีอยู่เท่าที่มี ว่าคนคนนั้นน่าจะ คือ ยากจก โดยที่ยังไม่ทดลองพูดคุยกับเขาเลย ไม่หาข้อมูลเพิ่มเติมเลย คุณตัดสินเขาไปแล้ว สุดท้ายสิ่งที่เป็นความจริงคือ เขาคือประธานบริษัท คุณพลาดไปแล้ว
การเข้าข้างตนเองอย่างหูหนวกตาบอดนั้นมีพิษภัยที่รุนแรงกว่าที่คาดคิด มันเหมือนกับคุณปิดใจตั้งแต่เริ่มต้น อยากเห็นในสิ่งที่ตัวเองอยากเห็น อยากฟังในสิ่งที่ตัวเองอยากฟัง คุณอาจจะพลาดความคิดดีๆ แนวคิดโดนๆอันทรงคุณค่าอย่างน่าเสียดาย
ในระหว่างที่คุณกำลังทดลองการใช้ชีวิตในทุกๆวันนั้น สมมุติฐานที่กลายเป็นกฎในหัวของคุณเฝ้าแต่ใช้ตัดสินสิ่งต่างๆที่เป็นไปอยู่รอบตัว เมื่อปัญหาเกิดขึ้นจึงเกิดคำถามแต่เพียงว่า ใครผิด / ต้องหาคนผิดให้เจอ / และลงโทษมัน (บางครั้งถึงกับต้องบูชายันมัน เอามันให้ตาย) และผลที่ตามมาคือ ปัญหาก็ยังคงทบต้นทบดอกมากขึ้นและแถมผลพลอยได้ในเชิงลบ เช่น คนก็เกลียดกันมากขึ้นก็จะตามมา
โปรดจงระวังในการเข้าข้างตัวเองให้ดี หากเราไม่อาจมีพลังสติมากพอที่จะแยกร่างในหัวเพื่อให้อีกร่างคอยแย้งกับเราตลอดเวลา ก็ต้องกล้าหาญที่จะหาคนมาไว้เถียง(พูดเพราะๆคือที่ปรึกษา ) เหมือนซีอีโอระดับโลกเขาทำกัน หรือไม่ต้องดูไกลขนาดนายกยังมีคณะที่ปรึกษา
อย่าไว้ใจตัวเองและจงโปรดระวังในความเข้าข้างตัวเอง ก่อนความหายนะจะตามมาจ้า
โอสถธรรมถอนพิษอาการเข้าข้างตัวเอง