คุณค่าของช่องว่าง
คิดถึงช่องว่าง อาจนึกถึงแต่ความว่างเปล่า ช่างเวิ้งว้าง ไร้จุดจบและไร้จุดเริ่มต้น แต่หากพิจารณาให้ถ้วนถี่ ช่องว่างนี้เองคือ คุณค่าที่สร้างประโยชน์มากมายให้กับโลกใบนี้ แทรกตัวเข้ามาในช่องว่างแล้วตามหาคุณค่าของช่องว่างด้วยกันครับ
จักรวาลอันกว้างใหญ่เต็มไปด้วยที่ว่างเพื่อให้หมู่มวลดวงดวงได้โคจรไปตามวิถี ช่องว่างที่เหมาะสมทำให้เกิดวงโคจรที่สมดุล ดาวทุกดวงอยู่กันอย่างสงบสุขอาจมีเฉยีดกันบ้างชนกันบ้างแต่นั้นคือวิถีแห่งธรรมชาติที่มีช่องว่างให้ความยุติธรรมอยู่
ท่ามกลางมวลแมกไม้แท้จริงแล้วยังมีช่องว่างให้แดดส่องลงมาเป็นปัจจัยให้ต้นกล้าได้เติมโต ไม่ใหญ่เมื่อถึงวาระก็ต้องล้มลงเพื่อเปิดช่องว่างกับพืชรุ่นใหม่ที่ตามมาได้เกิดขึ้นบ้าง แม้แต่ในดินช่องว่างยังสำคัญต่อการแทรกซึมของอากาศและช่ิงว่างยังเป็นประโยชน์ต่อการแทรกซ้อนชอนไชของรากพืชให้หยั่งรากลึกและเติบโตเป็นไม้ใหญ่สร้างคุณประโยชน์ต่อสัตว์ป่า
ในร่างกายมนุษย์ ช่องว่างในร่างกายถือได้ว่าเป็นธาตุที่ 5 (จาก 4 ธาตุที่เรารู้จัก คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ) ช่องว่างในร่างกายมีส่วนช่วยให้เลือดลมหมุนเวียน ปรับสมดุลให้ร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ลองคิดดูว่าถ้าหัวใจ ปอด ตับ ไต ไส้ ไม่มีที่ว่างจะเกิดอะไรขึ้น มนุษย์จะเป็นมนุษย์อยู่อย่างที่เห็นในปัจจุบันหรือไม่ ?
กวีเอกระดับโลกอย่าง คาลิล ยิบราน เคยกล่าวไว้เกี่ยวกับความสมดุลกับความรักว่า “และจงยืนอยู่ด้วยกัน แต่อย่าใกล้กันนัก เพราะว่าเสาของวิหารนั้นก็ยืนอยู่ห่างกัน” คุณค่าของช่องว่างยังเหมาะสมเสมอเมื่อเรารู้จักใช้และเข้าใจมัน และบางทีความอ้างว่างก็เป็นเหมือนช่องว่างที่เปิดโอกาสให้คนดีๆมาเติมเต็ม
เพราะช่องว่างนี้ไม่ใช่หรือที่ทำให้ออกซิเจนแทรกซึมเพื่อให้รากไม้ดูดซับไปใช้ประโยชน์ ก็มิใช่ช่องว่างนี้หรือที่ทำให้ปอดหายใจเอาออกซิเจนเข้ามาสร้างประโยชน์กับร่างกาย ก็ไม่ใช่ช่องว่างนี้หรือที่ทำให้เสาบ้านรับหลังคาได้อย่างสมดุล และก็เพราะช่องว่างไม่ใช่หรือที่ทำให้เราเรียนรู้ที่จะรักได้อย่างสมดุล
ขอบคุณคุณค่าแห่งช่องว่าง
